ใช้เงินเป็น

“ได้ใช้เงิน” กับ “ใช้เงินเป็น” ตอนนี้คุณเป็นแบบไหนอยู่ เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่สำคัญมากเพราะหลังจากเราหาเงินมาได้แล้ว และรู้จักต้องหักส่วนที่ออมไว้ก่อนแล้ว ส่วนที่เหลือก็คือส่วนที่จะเอามาใช้นั่นเองซึ่งถ้าเราไม่รู้จักใช้ สุดท้ายเงินก็จะไม่พอใช้และจำเป็นต้องไปเบียดเบียนเงินออม….

รายจ่ายในชีวิตประจำวันของเราๆ ท่านๆ จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ

  1. รายจ่ายคงที่ เช่น ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนเงินกู้ซื้อสินค้าต่างๆ เป็นต้น ซึ่งรายจ่ายเหล่านี้เรารู้จำนวนเงินที่ต้องจ่ายชัดเจน และวันที่ที่แน่นอนอยู่แล้วเราสมารถนำรายจ่ายเหล่านี้ไปเขียนในปฎิทินได้เลย นอกจากจะช่วยไม่ให้เราลืมเรื่องวันที่ที่ต้องจ่ายแล้ว ยังช่วยให้เราเรารู้ส่วนที่เหลือที่จะไปใช้ในเรื่องอื่นๆ ได้อีกเท่าไรอีกด้วย
  2. 2.       รายจ่ายแปรผัน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ารถ ค่าอาหาร ค่าเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ รายจ่ายเหล่านี้ไม่แน่นอนในแต่ละเดือน มีมากบ้างน้อยบ้าง ผมว่าตามแต่กิเลศที่มีเป็นหลัก ถ้าเรารู้จักควบคุมแล้วก็น่าจะทำให้เราเหลือแต่รายจ่ายที่จำเป็นจริงๆ

อีกเรื่องที่เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ทุกคนรู้ว่าสถานการณ์การเงินในกระเป๋าเป็นยังไงคือ การจดค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่จะมาช่วยให้เราแยกแยะที่หลังได้ต่อว่าอะไรควรจ่าย อะไรไม่ควรจ่าย ซึ่งการจดก็ไม่ใช่เรื่องยากจะใช้ Excel ทำก็ได้หรือใช้สมุดเล็กๆ ซักเล่มก็ได้แล้วแต่สะดวก ถ้าจะให้ทันสมัยหน่อยใครที่ใช้มือถือ Smart phone ก็ไปหา Download โปรมแกรมเกี่ยวกับ Personal finance มาใช้ก็จะเป็นการใช้ Smart phone ที่มีนั้นให้คุ้มค่ามายิ่งขึ้น ผมชอบโฆษณาของ ธกส. ชื่อชุด “จดแล้วไม่จด” มาก เพราะเป็นการทำให้เราเข้าใจได้ง่ายๆ เพียงแต่ว่าเราจะทำกันได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง

ตัวอันตรายอีกอันคือ “บัตรเครดิต” “บัตรกดเงินสด” ต่างๆ ที่กำลังโฆษณากันมาก หลายคนเป็นหนี้เป็นสินกันมากก็เพราะเรื่อง รูดปรื้นๆ กันเนี่ยละเพราะรูดไปก่อนใช้ทีหลังทำให้บางทีไม่รู้ว่าใช้ไปเท่าไรแล้ว แต่ถ้ารู้จักใช้บัตรพวกนี้ก็มีประโยชน์ไม่น้อย

ผมแนะนำให้ไปอ่านบทความเรื่องรู้จักใช้บัตรเครดิตและการจดค่าใช้จ่ายใน จดแล้วไม่จน กับ ใช้บัตรเครดิตอย่างคนฉลาดใช้ ได้ในเรื่องเล่าจาก นายเก่งเงิน นะครับ

Leave a comment