ตอนที่ 5 ขั้นตอนการปลดหนี้

 

หลายวันผ่านไป…..หน้าเพื่อนที่เมื่อก่อนยิ้มแย้มสนุกสนาน….ก็ค่อยๆลดหายไป….เนื่องจากคิดๆ ว่าจะจัดการหนี้ได้อย่างไร ดอกเบี้ยก็เดินทุกวัน รู้ยังนี้ไม่ใช้ให้มากมายขนาดนี้ก็ดี คำว่า “รู้ยังนี้……..” เป็นคำที่ผมเองก็ได้ยินบ่อยมากๆ แต่คนเราไม่สามารถรู้ได้ล่วงหน้ามีแต่จะคาดการณ์ได้ล่วงหน้าด้วยการกระทำหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากปัจจุบันเท่านั้นเอง…สิ่งที่ผมและเพื่อนคนอื่นช่วยเพื่อนผมคนนี้ได้คือสมหัวช่วยกันหาทางออก สิ่งที่คิดได้คือให้เขาประหยัดครับ จากนั้นก็กันเงินไว้ส่วนหนึ่งทยอยจ่าย..แต่ก็ยังไม่ได้ผลเท่าไรนักในที่สุดผู้จัดการที่พวกผมสังกัดอยู่ก็สังเกตเห็นเขาและเรียกไปคุยครับ พี่ผู้จัดการท่านนี้เป็นคนเก่งมากๆ ในสายตาพวกผมขณะนั้น และเขาก็ได้ให้ขั้นตอนพร้อมยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้ โดยมีขั้นตอนเท่าที่ผมจำได้ประมาณนี้ครับ

  1. ทำรายการหนี้ที่มีทั้งหมดออกมาก่อนโดยเรียงลำดับจากหนี้ก้อนเล็กไปหาก้อนใหญ่     โดยพี่เขาย้ำมากว่าต้องเอามาให้หมดไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต เงินด่วน เงินกู้นอกระบบ อีกอะไรเอามาแฉให้หมด ตอนนั้นเพื่อนผมคนนี้ทำรายการออกมาได้น่าจะประมาณ 10 รายการได้ ตอนนั้นเราคิดว่าเขาไปทำบัตรได้ครบเกือบทุกยี่ห้อที่มีในตลาดมาได้มากขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย
  2. ทำรายการรายรับและรายจ่ายประจำวันที่นอกเหนือจากที่ต้องจ่ายบัตรเครดิตหรือหนี้ต่างๆ     ที่มีทั้งหมดออกมา ตัวอย่างรายการพวกนี้เช่น ค่าข้าว ค่าเช่าห้อง ค่าเดินทางในการมาทำงาน
  3. นำรายจ่ายมาวิเคราะห์     เรามารู้ข้อมูลเพิ่มเติมของเพื่อนผมคนนี้กันอีกหน่อยเพื่อที่จะได้ช่วยกันมองให้เห็นเป็นภาพเดียวกันดีมั้ยครับ เดิมเช่าหอในแถวถนนเพชรบุรีตัดใหม่ซึ่งเป็นหอที่อยู่มาตั้งแต่สมัยเรียน แต่ที่ทำงานอยู่แถวฝั่งธน ต้องนั่งรถมาไกลพอควรวันไหนที่ตื่นสายก็ต้องนั่ง Taxi มาทำงาน เรื่องอาหารการกินนั้นไม่ค่อยยุ่งยากมากนักก็มักจะกินข้าวในโรงอาหารที่บริษัทจัดไว้ให้ราคาทั่วไปครับ จานหนึ่งประมาณ 25-30 บาท จะมีก็ช่วงเย็นวันศุกร์ที่ทั้งแก็งมักจะออกไปสังสรรค์ตามที่ต่างๆ เกือบทุกสัปดาห์ อ้อและเขายังไม่มีแฟนทำให้ตัดเรื่องค่า Shopping ของแฟนออกไปได้อีกหน่อยครับ
  4. การจำกัดรายจ่าย     สิ่งที่พี่ผู้จัดการบอกให้เขาทำอย่างแรกคือให้ย้ายหอจากที่เดิมมาอยู่ใกล้บริษัทแทน  เอาแบบเดินมาทำงานได้ยิ่งดีอันนี้เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จากนั้นก็ งด! การสังสรรค์ทุกประเภท

วันนี้มาครึ่งทางก่อนนะครับ….เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่ออีกครึ่งทางที่เหลือครับผม…

 

ตอนที่ 4 วิกฤติแรกในชีวิต

ผมว่าคงเป็นตามประสาของวัยรุ่นที่จบมาแล้วมีงานทำ เงินที่ได้มาก็ไปกินไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ตอนนั้นคิดว่าเป็นเงินทีเราทำมาเองนี่น่าจะใช้อะไรก็ได้ และด้วยความทีก่อนหน้านั้นยังต้องแบมือของเงินคุณแม่คุณพ่ออยู่ คราวนี้ล่ะเงินเป็นของเราเลยใช้ซะมันส์มือไปเลย……ถึงแม้ว่าจะเรียนจบสาขาที่เกี่ยวกับการเงินและการธนาคารมาก็ตาม ต้องเรียกว่ารู้แต่ไม่ทำ…จะทำไม  ไม่รู้ว่ามีกี่ท่านที่ผ่านประสบการณ์แบบนี้มาบ้างหรือเปล่า หรือว่าใครกำลังอยู่ในวังวนนี้อยู่รองมาอ่านกันแล้วเอามาคิดสะระตะดูละกันนะครับ

ช่วงแรกๆ หลังจากที่จบมา ทันทีละครับเดือนแรกด้วยความอยากเป็นลูกที่ดูดีเหมือนในโฆษณาก็เอาเงินเดือน เดือนแรกไปให้แม่ คุณแม่ก็ปลื้มแล้วบอกว่าไม่เป็นไรเก็บไว้ใช้…..เราก็เก็บไว้จากนั้น 3 เดือนผ่านไปก็เริ่มมี Sale ขายบัตรเครดิตเข้ามาหาที่บริษัทในสมัยนั้นก็ชวนให้ทำกันแล้วเอาของแถม ถ้าไม่ใช้ก็ไว้ยกเลิกไป ด้วยความที่เราแอบงกของแถมก็สมัครใหญ่สิครับ ใครเอาทีไหนมาเราก็สมัครไปหมดมีผ่านบ้างไม่ผ่านบ้าง จากนั้นก็มีเรื่องแต้มมาแลกของเราว่าไหนๆ ก็ต้องจ่ายค่าน้ำมันรถ ค่าข้างอยู่แล้วเราก็จ่ายผ่านบัตรเครดิตเนี่ยแหละ แรกๆ ก็สบายๆ จากนั้นก็สังสรรค์กับเพื่อนๆ ออกไปกินข้าวเย็นนอกบ้านบ่อยๆ หาร้านเท่ห์เก๋ๆ ไปกินกันกับเพื่อนๆ พอจะจ่ายก็ใช้บัตรรูด รูดปรื้น รูดปรื้น เพลินมือไปเลยครับจากที่เคยจ่ายเต็มก็เริ่มจ่ายบางส่วนแทนในบางเดือน ยอมจ่ายดอกเบี้ยให้เขาไปแล้วเพื่อนๆ ที่ไปด้วยล่ะ…แน่นอนอยู่แล้วครับหลายคนอยู่ในสภาวะเดียวกัน แต่บางคนก็สบายๆเนื่องจากที่บ้านมีทุนหนาอยู่เลยไม่เดือดร้อนนัก พอผมเริ่มรู้ตัวก็เริ่มชะลอและค่อยๆ ลดการกินเที่ยวให้น้อยลง แต่เพื่อนบางคนยังไม่หยุดแถมยังถอน Accessory ต่างๆ ออกมาอีกเช่น Notebook และ Pocket PC (ถ้าเทียบกับสมัยนี้ก็ใกล้ๆ กับ Smart phone ที่เราใช้เนี่ยละครับ เราเรียกว่า Computer ขนาดพกพา) ทำให้ต้องหมุนๆ เงินจากบัตรโน้นมาจ่ายบัตรนี้ หมุนไปหมุนมาจนไม่รอด……คราวนี้สิเพื่อนๆ ต้องเข้ามาเยี่ยวด้วยแล้วแต่คนบางคนให้ยืมได้มาก บางคนให้ยืมได้น้อยก็แล้วแต่จะพอให้หยิบยืมกันได้…………แต่ในที่สุดแล้วเพื่อนผมคนนี้ก็ไม่รอดครับเผชิญภาวะหนี้ท่วมตัว แล้วทำไงดีล่ะ……

เอาไว้มาอ่านกันต่อในตอนหน้านะครับ

ตอนที่ 1 มารู้จัก นายเก่งเงิน กันนะครับ

ผม นายเก่งเงิน ครับ…….

ผมเป็นใครและอยู่ๆ จะมีเขียนอะไรให้ท่านๆ ได้อ่านกัน หลายท่านคงสงสัยสินะครับ

งั้นผมขอแนะนำตัวเองคราวๆ ก่อนและหวังว่าเราคงได้รู้จักรู้จักกันมาขึ้นในคราวต่อๆ ไปนะครับ “นายเก่งเงิน” เป็นตัวแทนของคนทำงานที่มีชีวิตเหมือนกันกับท่านๆ ทั่วไปที่เรียนจบ หางานทำ และได้ลองทำธุรกิจของตัวเองมีทั้งที่ประสบความสำเร็จและไม่สำเร็จก็มี (ภาษาชาวบ้านเรียกว่า เจ๊ง นั่นแหละครับ) และก็มีครอบครัว เรื่องราวที่ นายเก่งเงิน นำมาพูดคุยหรือเล่าให้ท่านๆ ได้อ่านกันนั้นทุกอย่างเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงจากประสบการณ์ที่เจอกับตัวเอง เพื่อน หรือคนรู้จักรอบๆ ตัวที่มีโอกาสได้ไปคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วยกันมา

แล้ว นายเก่งเงิน จะมาเล่าอะไรให้ได้อ่านกันล่ะ…..แหม่! ชื่อก็บอกว่า นายเก่งเงิน คงเป็นเรื่องเงินๆ ทองๆ การลงทุน หรือเปล่า….คำตอบคือ ใช่ครับ…แต่…..ไม่ทั้งหมดหรอกครับเรื่องเงินทองก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องเรียนรู้และเรื่องการใช้ชีวิตก็ต้องเป็นเรื่องเรียนรู้ด้วยเช่นกันครับ ในเรื่องที่เล่านั้นก็จะมีทั้งเรื่องการจัดการเงินในแต่ละช่วงของชีวิตหรือเหตุการณ์ที่เข้ามาเผชิญกับนายเก่งเงิน จุดประสงค์หลักคืออยากแบ่งปันประสบการณ์มาได้เจอมาให้กับท่านอื่นๆ เพื่อจะได้นำไปประยุกต์ปรับใช้หรือมาช่วยกันแนะนำเพื่อให้เป็นข้อคิดและนำไปปฏิบัติได้ง่ายๆ และทำได้จริง

งั้นวันพรุ่งนี้เรามาเริ่มทำความรู้จักและมุมมองในเรื่องราวต่างของ นายเก่งเงิน กันเลยนะครับ